เป็นเรื่องยอดฮิตที่ถกเถียงกับเพื่อนๆมานานแสนนานนน ว่าการได้ D หรือ ได้ F แบบไหนดีกว่ากัน แล้วถ้าคะแนนของเราอยู่ในเกณฑ์ที่สุ่มเสี่ยงได้ F เราควรจะสู้ต่อเพื่อเกรด D ดีไหม หรือว่าไปดรอปดีกว่าไหมเนี้ยย
มาดูกันเลยยย!
เกรด D กับ F คืออะไร ?
ต้องขอบอกก่อนว่าเกรดในมหาลัยABAC จะมีทั้ง A , B , C , D และ F ซึ่งแต่ละเกรด ก็ส่งผลต่อ G.P.A ดังนี้
A = 4.00 Excellent
A- = 3.75 Almost Excellent
B+ = 3.25 Very Good
B = 3.00 Good
B- = 2.75 Fairly Good
C+ = 2.25 Fair
C = 2.00 Satisfactory
C- = 1.75 Minimum Satisfactory
D = 1.00 Poor
F = 0.00 Failure
ซึ่งเกรด D กับ F จะอยู่ท้ายสุด เมื่อเราได้ D หรือ F มีผลต่อ G.P.A ของเราแน่นอน
ยกตัวอย่างเช่น
ปี 1 เทอม 1 เรียนทั้งหมด 6 วิชา 18 เครดิต ถ้าเราได้ B ทั้ง 6 วิชา G.P.A. = 3.00
แต่ถ้า เรียนทั้งหมด 6 วิชา ได้ B แค่ 5 วิชา อีก 1 วิชาได้ D G.P.A. = 2.66
ก็จะส่งผลเสียต่อ G.P.A. ของเราเป็นอย่างมากกก
ถ้าคะแนนของเราอยู่ในเกณฑ์ที่สุ่มเสี่ยงได้ F จะทำยังไงดี ?
ถ้าเกิดก่อนสอบไฟนอล รวมๆคะแนนออกมาแล้วไม่ค่อยดี จะสู้ต่อไปเพื่อเกรด D ดีไหม หรือไปดรอปก่อนดี แต่ถ้าได้ F ล่ะ?
วันนี้เรามีคำตอบให้เพื่อนๆ เพื่อช่วยเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับเกรด D และ F !!
เกรด D = 1.00 Poor
การได้เกรด D นั่นก็แปลว่า เราได้ผ่านและได้เครดิตวิชานั้นมาเรียบร้อยแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องเรียนใหม่ แต่ต้องไม่ใช่วิชา major นะจ้ะ (ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรียนคณะ Arts Japanese ซึ่ง Major Required Course ตัวแรกคือ JA1700 INTRODUCTION TO JAPANESE ถ้าได้เกรดต่ำว่า C คือ C- และ D ต้องเรียนใหม่จ้า) แต่การได้เกรด D อย่างที่บอกไปข้างต้น ว่าจะส่งผลต่อ G.P.A เป็นอย่างมาก การได้ D ก็อาจจะนำไปสู่การติดโปรและโดนรีไทร์ได้
เกรด F = 0.00 Failure
เมื่อสู้กับข้อสอบไฟนอลแล้ว แต่ก็ยังได้ F มาอีกกก ทำให้หลายๆคนเกิดอาการเครียด เพราะว่าต้องลงเรียนซ้ำ แถมยังต้องเสียค่าเครดิตใหม่อีก …. แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าติด F แล้วเรียนรอบใหม่ตั้งใจมากขึ้น แล้วได้เกรด A G.P.A ก็เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกแน่นอน เพราะ เกรดF เดิม จะไม่ถูกเอามาคำนวนอีกต่อไป แต่A อันใหม่จะเอามาคำนวน
(ยกตัวอย่างเช่น เรียนวิชา GE1403 COMMUNICATION IN THAI ครั้งแรก ได้เกรด F มา แล้วเทอมถัดไปตั้งใจเรียนจนได้ A เกรดที่เคยเป็น F จะเปลี่ยน เป็น R แล้วนำเกรด A ที่เราได้มาคำนวณเป็น G.P.A ปัจจุบันจ้า )
ตอนนี้ก็เข้าใจกันแล้วเนอะว่า D กับ F มันส่งผลต่อเราแค่ไหนน มาดูสรุปกันเลยย
สรุป:
1.เกรด D
- ไม่อยากเรียนใหม่ เบื่อวิชานั้นๆมากกกก จนไม่อยากจะเรียนซ้ำ D ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี
- อยากรีบเก็บเครดิต อยากเรียนจบไว ไม่ต้องจ่ายเงินใหม่
- ต้องไม่ใช่วิชาmajor มิฉะนั้น เรียนซ้ำจ้าาาาาา
- สำหรับคนไม่ซีเรียสกับเกรด เกรดD จะติดตัวเราไปจนวันตายยย สำหรับคนที่ห่วงเกรด ดรอปก่อนดีกว่าเนอะ จะได้ไม่เครียด
2.เกรด F
- เรียนใหม่เกรดใหม่ ต้องเรียนวิชานั้นซ้ำ ซึ่งเกรด F จะเปลี่ยนเป็น R แล้วนำเกรดใหม่ที่ได้มาคิดเป็น G.P.A
- จ่ายเงินใหม่เริ่มต้นใหม่ เหมือนเกิดใหม่(ถ้าตั้งใจเรียน) แต่จ่ายเงินใหม่นะจ้ะ
- F จะติดอยู่ในใบTranscript ถึงจะนำเกรดใหม่มาคิด แต่ว่าในใบจะโชว์ผลทุกรอบที่เราลงเรียน ทั้งของรอบที่ได้ F และเกรดรอบใหม่ที่ได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร ถึงจะได้ D หรือ F ก็อย่าวิตกกังวลหรือหมดหวังนะ
ลองอ่านและแชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆรู้ด้วยว่าติด D หรือ F เนี้ย มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นนนนนนนน
สุดท้ายนี้หวังว่าจะเป็นประโยชน์และช่วยในการวางแผนการเรียนให้ชาว ABAC ทุกคนนะคะ <3