มีเรื่องเล่าจากเด็กปีสี่ ที่กำลังจะจบ แบบปัญญาอ่อนจะเล่าให้ฟังค่ะ
ตอนปีหนึ่งจะอยากได้มากค่ะ ด้วยอารมณ์ว่า อยากได้เกรดดี ๆ ถ้าได้เกียตินิยมมันน่าจะเป็นใบเบิกทางการศึกษาต่อได้ (สาขาที่เรียนอยู่ ที่บ้านบอกตอนก่อนเลือกเรียนว่า ถ้าจะเลือกสาขานี้ ต้องสัญญาว่าจะจบอย่างน้อย ป.โท สัญญาไปแล้วถึงได้รับอนุญาตให้เลือกเรียน )
พอเรียน ๆ ไปก็ได้จริง ๆ ค่ะ แต่เริ่มรู้สึกว่า ได้ไปก็เท่านั้น 55+ สักพักก็เริ่มขี้เกียจเรียนจนเกรดตก ที่บ้านก็เลยให้สัญญาว่าห้ามต่ำกว่า 3.5 นะ ตั้งใจเรียนหน่อย ก็โอเค ตั้งใจเรียนเพิ่มขึ้น ฟังมากขึ้น อ่านหนังสือเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่อ่านข่าว อ่านบทวิเคราะห์มากขึ้น เพื่อเก็บเป็นความรู้ แต่ไม่ค่อยอ่านหนังสือเรียน เวลาสอบก็ลุ้น ๆ ฮา ๆ เหมือนเดิม แต่มีสิ่งหนึ่งที่ตั้งแต่ปีสองทำมากขึ้น คือ ทำกิจกรรมค่ะ ตั้งแต่ปีสองมีเริ่มช่วยพี่ที่เป็น committee ทำงานของเมเจอร์ พอปีสามก็เป็นเองกับเพื่อน ๆ สนุกมาก เหนื่อยมาก จำได้ว่ามีช่วงหนึ่งเครียร์งานไม่เสร็จ ต้องนั่งทำจนถึงเที่ยงแล้วเริ่มอ่านหนังสือเพื่อไปสอบมิดเทอมตอนบ่ายสาม สุด ๆ อ่ะ แต่สุดท้ายวิชานั้นก็ได้ B มา มากับน้ำตาเลย แต่ทำกิจกรรมแล้วเกรดก็ไม่ตกอย่างที่คิด ได้อะไรเยอะมาก ๆ วางแผนเป็น คิดเป็น เป็นครั้งแรกที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ถึงกับเป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ คือก่อนหน้านั้นจะคิดเสมอว่า ตัวเองเรียนถือว่าเก่งนะ แต่ทำงานไม่ค่อยเป็นเลย Manage งานไม่ค่อยได้ แต่พอทำงานคอม เริ่มรู้สึกว่าตัวเอง Manage งานได้เพ่ิมขึ้น เริ่มรู้ว่าจะต้องทำงานกับคนอื่นอย่างไร จะต้อง Deal กับคนประเภทต่าง ๆ อย่างไร
สำหรับเราเกียตินิยมไม่ได้มีค่ามากมาย ไม่ได้ภูมิใจที่ได้มา ถือว่าเป็นผลพลอยได้จากสิ่งที่ได้เรียนมา แต่มันก็ถือเป็นสิ่งมีค่าอย่างหนึ่งที่ถ้ารักษาได้ก็ควรรักษาไว้ เพราะมันยังทำประโยชน์ให้เราได้ อย่างน้อยก็เรื่องเรียนต่อ เพราะแน่นอนก็ยังมีหลายมหาวิทยาลัยที่พิจารณาคนเข้าจากเกรดอยู่ดี แต่ก็ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาเอาแต่เกรด เอาแต่เรียนจนไม่สนใจอะไรเลย