ไม่อ้อมแอ้ม เข้าข้างนะครับ
ขอพูดจาก"ใจ" ตรงไปตรงมาแบบนิติเอแบคเลย
จะเรียนคณะไหน ชอบอะไร อยากจะเป็นอะไร จบไปทำอะไร ถาม"ใจ"ตัวเองให้ดีครับ คิดอะไรชอบอะไรอยากเรียนที่ไหนทำไปเลยแล้วอย่ามาเสียใจกับการตัดสินใจ
คนลงผิดคณะกว่าจะรู้ตัวก็เสียเวลาไปเป็นปี ต้องมาทำเรื่องย้ายก็มีมากในมหาลัย
เอแบค ก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่าเด่นเรื่องบริหารธุรกิจ คนมาลงเรียนก็เยอะ จบก็เยอะ ไอ้ที่ไม่จบลงแล้วลงอีก ย้ายไปย้ายมา ย้ายมหาลัยหนีไปเลยก็เยอะครับ
เรื่องคณะอื่น ผมไม่รู้ เพราะผมไม่เคยเรียน
แต่เรื่องคณะผม คนหลายๆคนอาจจะมองว่านิติของเอแบคเป็นคณะที่เป็นไอ้ง่าววิชาอิ้งมากที่สุดในบรรดาทุกคณะ เพราะมีวิชาที่เรียนเป็นอิ้งน้อยกว่าคณะอื่นเค้า(เป็นเรื่องของข้อกำหนดกระทรวงบังคับไว้) แต่คณะอื่นจะมองยังไงคิดยังไงผมไม่สนอยู่แล้ว เพราะชีวิตเราตัวเราทำตัวเอง ตอนนี้เด็กใหม่คณะลอว์ก็ต้องเรียนอิ้ง 1-4 เป็นอิ้งDepart(ment of english) เหมือนกับคณะอื่นแล้ว เพราะพึ่งจะยกเลิกเรื่อง Eng for law student 1-4 ไป แต่ยังมี Eng for lawyer 1-2 อยู่เหมือนเดิม
เด็กลอว์เอแบคจบไปเป็น"ท่าน"กันก็เยอะ แต่จะให้เทียบว่าไปเยอะในวงการตุลาการ เหมือนพวกราม จุฬา ธรรมศาสตร์
ก็คงไม่ได้เพราะคณะลอว์ที่นี่จบปีนึงแค่ประมาณเฉลี่ยที่ 100 คน และคณะก็พึ่งเปิดมาได้แค่ 10 กว่าปี จะไปมีบัณฑิตย์จบมาแล้วเยอะๆแบบราม หรือพวก ม.รัฐ ที่เค้าเปิดสอนกันมาสี่ ห้าสิบปี ร้อยปี คงจะไม่ได้
ถามว่าจบลอว์ที่เอแบคแล้วจะเป็นโปรด้านอิ้งก็คงไม่ใช่ ทั้งหมดมันอยู่ที่ตัวเองล้วนๆ ถ้าเรียนจริง ตั้งใจจริง ผลที่ได้ก็ต้องเก่งแน่นอน ถ้ามาเรียนลอว์เอแบคแล้วหลับๆโดดๆ ดร็อป ไม่เข้าสอบ ทิ้งBooklet ปล่อยวางไม่ตอบข้อสอบ ไอ้ที่อยากจะเก่งอิ้งก็เห็นทีจะยาก
อยู่ที่ตัวเองล้วนๆครับ คุณตั้งใจและมุ่งมั่นแค่ไหน
นิติจุฬามีสอบกลางภาค+ปลายภาค
นิติธรรมศาสตร์มีแต่ปลายภาค แต่ถ้าตกซ่อมได้
นิติราม ปลายภาคลูกเดียว
นิติ เอแบค สอบปลายภาคลูกเดียว ข้อเขียนล้วนๆ ไม่มีฝนไม่มีกาไม่มีช้อยส์ ระหว่างเรียนไม่มีเก็บคะแนนไม่มีสอบquiz
บางวิชา 3 ข้อ 100 คะแนน บ้างก็ 4 บ้างก็ 5 สอบตกติด F หรือสอบได้ 59 ลงไป(C-) ก็ถือว่าสอบตก ลง
ทะเบียนเรียนใหม่ ไม่มีการมานั่งอ้อนว้อนแก้คะแนน สอบซ่อมอะไรทั้งสิ้น คุณตก คุณก็ต้องยอมรับกติกา
คนเรียนลอว์เอแบคจบไปต่อโทนอก สอบเนได้ สอบผู้ช่วยฯได้ มีเยอะแยะ อยากจะทำอะไรก็อนาคตตัวเอง
จบไปขายก๋วยเตี๋ยวนิติก็ยังได้ 555+ อาจารย์ที่สอนที่นี่คงไม่ต้องพูดพล่ามมากมาย
คณบดี ท่านอาจารย์พรชัย สุนทรพันธุ์ -- อดีตคณบดีราม ฯลฯ ปัจจุบันเป็นวุฒิสมาชิก แล้วได้รับเชิญไปสอนหลายแห่งมาก
ศ.วิษณุ เครืองาม
อาจารย์บวรศักดิ์ อุวรรณโน
ศ.จรัญ ภักดีธนากุล
ศ.วารี นาสกุล
ฯลฯ
แต่ละท่าน ชีวิตนี้ผมคงต้องเรียกท่านๆที่มาสอนว่าเทพ
เรียนนิติที่มหาลัยไหนก็ใช้หลักสูตรเหมือนๆกันทุกที่ แต่มันอยู่ที่คนเรียนว่าตั้งใจแค่ไหน
คนเราเลือกได้ว่าจะเป็นอะไรจะทำอะไร ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน
ตัดสินใจเอาเองเลยครับว่าอยากเรียนที่ไหน เรียนคณะอะไร ใจต้องมั่นๆ แล้วเอาเลย ลุยแม..ร่งเลย สู้!!เพื่อตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง จะทำการใหญ่"ใจ"ต้องนิ่งและมั่นเกิน100
ถ้าคุณยังโลเล หรือไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคุณชอบ"นิติศาสตร์"หรือตัวคุณ"ยุติธรรม"พอรึไม่ หรือไม่แน่ใจว่าคุณจะประสาท"ความยุติธรรม"ให้เกิดในสังคมในอนาคตได้หรือไม่ ถ้าคุณยังไม่มั่นใจพอว่าคุณเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
ผมแนะนำว่าคุณไปลงคณะอื่นเถอะครับ กลัวว่าถ้าคุณโลเลไม่"ใจ"พอกับคณะนี้ คุณจะเสียเวลาเปล่าๆ เรียนไปก็แค่นั้น
สอบครั้งนึงผมใช้เวลาเตรียมตัวไม่ต่ำกว่า 2 เดือน อ่านหนังสือไม่ต่ำกว่า 5 เล่ม หรือรวมไม่ต่ำกว่า 7,000 หน้า
ท่องประมวลกฎหมายรวมไม่ต่ำกว่า 140 มาตรา หรือไม่ต่ำกว่า 30 มาตรา/1วิชา
เพราะฉะนั้นถาม"ใจ"ตัวเองว่า "แน่"พอรึป่าวกับคณะนี้ และกล้าพอมั้ยกับสิ่งที่คุณจะต้องเจอมันในอนาคต
โปรดฟังอีกครั้ง....ถาม"ใจ"ตัวเองว่า"แน่"พอรึป่าว และอย่าลืมถามตัวเองว่า คุณมีจริยธรรม คุณธรรม ยุติธรรม พอรึป่าว
ป.ล. อาจจะใช้ภาษาพูดจาแรงไปนิดแต่หวังว่าคงทำให้น้องๆที่จะเรียนคิดได้ด้วยตัวเอง ถามมาทุกปีคำถามนี้
ชีวิตจริงมันไม่สวยงามเหมือนเทพนิยาย ตื่นได้แล้วครับ มัธยมมันแค่สนามเด็กเล่น มหาลัยเป็นสนามกีฬา ชีวิตจริงคุณต้องลงสนามโอลิมปิก ถ้าคุณไม่แข็งแกร่งพอ ยืนไม่ได้ด้วยตัวเอง คุณก็ถูกโลกลืม ถูกพัดหายไปกลางกระแสโลก ชีวิตคนมันต้องสู้ครับ
จบครับ