ABACTODAY Webboard | รวมกระทู้มีประโยชน์สำหรับเด็กเอแบค

ABAC Today Community => ABAC Talk => ABACTODAY Library => Topic started by: over the acid rain on June 08, 2011, 09:39:56 PM

Title: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: over the acid rain on June 08, 2011, 09:39:56 PM
 (a04)

ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราไอดี50เรียนยังไม่จบเหลืออีกปีนึง เกรดตอนนี้สองกว่าๆนะคะ ที่เรื่องต้นเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะอยากจะช่วยแนะนำรุ่นน้องกับสิ่งที่เราเจอมาในเอแบค เพราะส่วนตัวคิดว่า การเรียนเอแบคโดยไม่มีคนแนะนำเลย ทำให้ต้องลองผิดมากมายก่อนที่จะถูก (ซึ่งเราผ่านจุดผิดมาหลายครั้ง) หัวข้อที่คิดมาได้นี่อาจจะมีตกหล่นไปบ้าง ใครอยากเขียนจุดไหนเพิ่ม แย้งตรงไหนตามสะดวกนะคะ แต่ช่วยสุภาพกันด้วย (เราอยากทำอันนี้มาเพื่อนช่วยเพื่อนๆน้องๆจริงๆค่ะ)
หัวข้อที่จะเขียนทั้งหมดแยกย่อยตามนี้นะคะ
1.การเรียน : เนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนทั้งหมด วิชาต่างๆ, การเรียนethic, free ele, plan A B C, หนังสือ คู่มือต่างๆ, การเช็คชื่อ, การยื่นผลสอบจากtoefl, ielts, อาจารย์
2.การลงทะเบียน : ขั้นตอนทั้งหมด รหัสวิชา การจ่ายตังค์ ที่นั้ง ห้องทะเบียน
3.การสอบ : การเลือกวิชากับวันสอบมีประโยชน์อย่างไร, time conflict, cheating
4.การเรียนพิเศษ
5.สังคม&เพื่อน การแต่งตัว
6.แฟน
7.หอ
8.การเดินทาง
9.รายจ่าย
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: over the acid rain on June 08, 2011, 09:40:50 PM
1.การเรียน : เนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนทั้งหมด วิชาต่างๆ, การเรียนethic, free ele, plan A B C, หนังสือ คู่มือต่างๆ, การเช็คชื่อ, การยื่นผลสอบจากtoefl, ielts, อาจารย์
ก่อนอื่นเลย ขอแนะนำก่อนว่าเอแบคเป็นมหาวิทยาลัยอินเตอร์ ที่นักศึกษาต้องเรียนด้วยภาษาอังกฤษเกือบทั้งหมด ถามว่าทำไมเกือบ เพราะมีสามวิชาที่สอนเป็นภาษาไทย คือ1.com thai หรือ communication in thai
2&3.bus raw หรื business rew 1&2 สำหรับทั้งสามวิชาภาษาไทยนี้อาจจะไม่เป็นปัญหาสำหรับน้องๆ ถ้ามีความขยัน และอ่านหนังสืออย่างน้อยสองรอบ เกรดดีๆได้แน่นอนคะ แต่ต้องเข้าใจจริงๆด้วยนะ แต่รุ่นน้องปีหนึ่งเข้ามาใหม่ๆอาจจะยังไม่ค่อยจริงจังมาก เน้นเฮฮา เริ่มเที่ยวก็มีเหมือนกัน ดังนั้นจุดนี้อาจจะเป็นจุดพลาดแรกได้ถ้าคุณคิดที่จะจบจากที่นี้ไปจริงๆนะคะ
   สำหรับวิชาอื่นๆที่จะสอนด้วยวิชาภาษาอังกฤษทั้งหมด เริ่มต้นด้วยวิชาพื้นฐาน พวกengต่างๆ ถ้าตัวคุณคิดว่า คุณโง่ภาษาอังกฤษมาก เรียนเอแบคได้ไหม? คำตอบก็คือ ไม่ว่าคุณจะโง่ขนาดไหน แต่คุณทั้งใจจะเรียนที่นี้จริงๆไหม ถ้าใช่ และคุณทุ่มเทเพียงพอ ที่นี้สามารถพัฒนาในสิ่งที่คุณไม่เคยพัฒนาได้ เพราะเราจบมัทยมด้วยเกรดเฉลี่ย3กว่าๆ แต่ตกอังกฤษตลอด เราเอ็นท์ติด แต่เป็นคณะที่เราไม่ชอบ เพราะภาษาอังกฤษดึงเราไปเยอะ แต่มหาวิทยาลัยเอกชลเดียวที่เราอยากเรียนคือที่นี้ และสุดท้ายเรามีการพัฒนาภาษาอังกฤษจริงๆ ถึงแม้จะไม่ดีเท่าคนที่จบมาจากมัทยมอินเตอร์ หรือกว่าเราจะพัฒนา เราต้องเรียนeng1,2,3,4ซ้ำหลายรอบกว่าจะจบ แต่สุดท้ายก็ผ่านจุดนั้นมาได้
   ส่วนวิชาอื่นๆ ที่ควรเริ่มเรียนตั้งแต่ปีแรก น้องๆควรเก็บหนังสือคู่มือที่เอแบคแจก เพราะหนังสือเล่มนั้นสามารถใช้ได้ตั้งแต่ปีหนึ่งจนจบแน่นอน เทอมแรกๆที่เอแบคช่วยลงทะเบียนให้ อาจจะมีแค่7หน่วย ถามว่าน้อยไปไหม โดยปรกติแล้วสามารถเรียนจบภายในสี่ปีได้คะ ถ้าเรากลัวว่าจะปรับด้วยไม่ทันก็สามารถเรียนเท่านี้ได้ แต่ถ้าอยากจะแอดวิชาเพิ่ม ก็ได้คะ sci&manหรือพละเป็นวิชาที่คนส่วนใหญ่จะแอดเพิ่ม และวิชาในเทอมแรกจะเป็นวิชาไม่มีหน่วยเยอะ(ถ้าคุณไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมากๆ ซึ่งไม่ต้องเครียดนะคะ คนส่วนใหญ่ต้องเรียนวิชาไม่มีหน่วยพวกนี้กันทั้งนั้นค่ะ) วิชาbasic English, basic math ซึ่งสำคัญนะคะ ไม่ใช่ไม่มีหน่วยก็ไม่ใส่ใจ ก็ควรที่จะใส่ใจบ้างเพราะผลของวิชาที่ไม่ใช่เกรดก็จริง แต่การผ่านไม่ผ่านมีผลให้คุณต้องเรียนวิชาพวกนี้ซ้ำได้ ก่อนที่จะได้เรียนวิชามีหน่วยจริงๆ
   หลังจากผ่านเทอมแรกไปแล้ว คุณก็ต้องเริ่มที่จะต้องลงทะเบียนเอง ซึ่งในปีแรกๆคนส่วยใหญ่จะเรียนกับเพื่อน ซึ่งก็ยังเป็นไปได้อยู่คะ แต่ปีหลังๆอาจจะไม่ค่อยมีแล้ว วิชาสำหรับเทอมสองของปีหนึ่งบางคนก็อาจจะเริ่มลงsci man,law2, math for,intro bus, micro com, eng คือถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าลง18จะเยอะไปไหม ลง15creditsก่อนก็ได้ ขอแนะนำว่าให้ลงวิชาที่requires วิชาต่างๆมากมายก่อน เพราะมันสามารถทำให้เราไปต่อได้ง่ายขึ้น
(ต่อจากนี้ไปขอข้ามพวกวิชาต่างๆมาถึงตอนที่ต้องเลือกmajorนะคะ)
   พอคุณเรียนวิชาBGครบ วิชาbasic coursesต่างๆ ประมาณปีสองก็ต้องตัดสินใจเลือกmajor ซึ่งวิชาพวก prin market, management, cor fin, man acc สามารถเป็นตัวเริ่มต้นเลือกได้ว่าเราชอบศาสตร์เหล่านั้นไหม แต่ถ้าทั้งหมดที่พูดมาไม่ชอบเลย เอแบคก็ยังมีคณะแยกย่อยต่างๆอีกมากมาย เช่น โฮเทล, real estate, ibm, logistic ซึ่งข้อมูลคณะต่างๆสามารถอ่านจากหนังสือ หรือคอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ประจำคณะ หรืออาจารย์วิชาที่เกี่ยวข้องกับคณะนั้นๆก็ได้คะ
   เราจะขอพูดเน้นเรื่องการเรียนMarketingนะคะ เพราะเราเรียนในคณะนี้ ก่อนอื่นขอแยกย่อยว่า plan a,b,c มีความแตกต่างกันยังไง เรื่องเกรดในวิชาmajorต้องมากกว่าCนะคะ ไม่ผ่านต้องเรียนซ้ำและวิชานั้นๆต้อง over credit ไม่ลบออกนะคะ
   หลังจากส่งใบยื่นคำร้องเลือกคณะไปแล้ว เราต้องเข้า first o, last o ของคณะนั้นๆด้วยนะคะ ซึ่งfirstคือการแนะนำคณะ lastพูดถึงเส้นทางการใช้ชีวิต หลังจากจบในแต่ละสาขาวิชา
Plan A เป็นหลักสูตรที่เราจะเรียนเน้นไปในศาสตร์นั้นๆ ซึ่งในคณะmarketingมีแยกย่อมเป็น3หลักสูตร หลักสูตรแรกเกี่ยวกับกลยุทธ์ในศาสตร์นี้  สองเกี่ยวกับการขายปลีก สามเกี่ยวกับimcแบบเจาะลึก ซึ่งสามารถเรียนวิชาimcซึ่งเป็นวิชา major require เป็นการตัดสินใจดูได้ หรือความแตกต่างของแต่ละแผนสามารถไปถามพนักงานที่msmหรือ ปรึกษาอาจารย์ รุ่นพี่ ก็เป็นทางเลือกที่ดี ก่อนการตัดสินใจ
Plan B เป็นเหมือนการเลือกminorในมหาลัยอื่น เราสามารถเลือก management, ibm, account,
Plan C เป็นการเรียนวิชาอะไรก็ได้ในศาสตร์ของmarketing จัดเลือกได้ตามใจเราชอบ 5วิชาเท่ากับplanอื่นๆ
   ส่วนการเรียนในแต่ละเทอมนั้น มหาวิทยาลัยบังคับให้นักศึกษาทุกคนเรียนวิชาEthicไม่มีเกรด แต่มีผลต่อการจบ คือถ้าเรียนไม่ครบ ไม่สามารถจบได้ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม ซึ่งปีหลังๆมานี้ นโยบายของEthicมีความเข้มขึ้น การmake upทำได้ยาก และในอนาคต การไม่ผ่านEthicมีผลให้ต้องเรียนEthicนั้นซ้ำก่อนที่จะได้เรียนEthicของตัวต่อไป (เหมือนกับวิชาEng) ซึ่งตรงนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นตามนี้จริงๆรึเปล่า การไปเรียนควรแต่งตัวให้เรียบร้อยที่สุดและควรไปถึงก่อนเวลา เพราะบางทีคุณอาจจะไม่อนุญาตให้เข้าเรียน ซึ่งทำให้เสียเวลามากๆนะคะ อุส่ามาถึงแล้วทั้งที สุดท้ายถึงแม้วิชานี้พวกเราเรียนไปจะไม่ได้ทำให้ระดับจิตใจของเราสูงขึ้น แต่ขอให้เข้าจริงๆ การมาแก้ปัญหาตอนใกล้จบเป็นอะไรที่วุ่นและยุ่งมาก พี่พนักงานที่CL อาจจะไม่มีเวลามาอธิบายข้อมูลที่เราไม่สามารถได้ละเอียดจริงๆ เพราะมีคนเยอะที่เค้าต้องบริการ เค้าอาจจะดูหน้ายุ่งๆไปบ้าง แต่ถ้าไปตอนคนไม่เยอะซึ่งเราเคยเจอมาแล้ว จริงๆพี่เค้าก็เป็นคนที่ใจดีและพูดคุณรู้เรื่องบริการดีมากคนนึง
   Free elective เป็นวิชาเลือกเสรี มหาวิทยาลัยกำหนดให้ลง3ตัว ซึ่งจริงๆควรจะเอามาเป็นตัวช่วยดึงเกรดในเทอมที่ลงตัวยากๆไป นักศึกษาส่วนใหญ่เลือกลง logic, psychology, intro ทางภาษาต่างๆ แต่จริงๆวิชาในคณะซึ่งเป็นตัวเลือกของplan cก็น่าสนใจไม่น้อยที่จะลง เพราะเราสามารถเพิ่มความรู้ในศาสตร์นั้นๆได้จริง
   ทั้งหมดทุกวิชา อาจารย์ส่วนใหญ่ เช็คชื่อทุกคาบ ถึงแม้บางอาจารย์ไม่เช็คชื่อทุกคาบ แต่ก็มีให้ส่งงาน ก็เหมือนเป็นการเช็คชื่อนะคะ และทุกวิชา ต้องเข้าเรียนไม่ต่ำกว่า80%นะคะ การเข้าเรียนมีผลต่อคะแนนparticipateในห้อง และคาบแรกของแต่ละวิชา อาจารย์จะเริ่มพูดถึง project examเลยนะคะ หลังจากนั้นตลอดทั้งเทอมจะไม่พูดอีก ซึ่งก็เป็นประโยชน์กับตัวเราเองทั้งนั้นนะคะ และคาบแรกส่วนใหญ่เลิกเร็ว หรืออาจารย์บางคน เริ่มสอนตั้งแต่แรกเลยนะคะ
   การยื่นผลสอบแทนการเรียนEng1-4ของเอแบค สามารถใช้ผลการสอบtoefl, ieltsแทนได้ ระดับคะแนนหรือรายละเอียดต่างๆสามารถถามได้ที่ห้องทะเบียน การยื่นผลก็ต้องที่นี้เช่นกัน  แต่หลังจากยื่นผลไปแล้วนักศึกษาก็ต้องจ่ายค่ารายวิชานี้อยู่ดีนะคะ

วันนี้เอาเท่านี้ก่อนแล้วกันเดี๋ยวเขียนต่อ เหนื่อยมาก และอาจจะไม่ดีขอโทษด้วยนะคะ
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: over the acid rain on June 08, 2011, 09:42:05 PM
มันติดกันเกินไป ในหัวข้ออื่นๆจะปรับปรุงแล้วกันนะคะ
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: สมถุ๊ย on June 08, 2011, 09:43:30 PM
ขอเสียงปรบ มือดังๆ ให้กับเธอผู้นี้คร้าาาา /\ /\ /\
ขอให้จบไวๆ เกรดสวยนะเคอะ Muahhhhhhh !
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: boboverlord on June 08, 2011, 09:52:13 PM
จะว่าไปก็จริงนะ การเฮฮาปาร์ตี้สุดเหวี่ยงสไตล์เฟรชชี่ของเด็กเอแบคที่มาใหม่ส่วนใหญ่จะนำความซวยมาติด ๆ เพราะเกรดในปีที่สูงขึ้นจะดีจะแย่มันขึ้นอยู่กับเกรดปีหนึ่งเป็นหลักเลย ยิ่งเรียนหลายวิชา น้ำหนักหน่วยกิตมันยิ่งถ่วงยาก ทำให้เกรดขึ้นยาก

ใครเด็กใหม่ก้พยายามอย่าไปเที่ยวเล่นมากเกินไป ควรจะโฟกัสที่การเรียนก่อนเพราะส่วนมากมักจะปรับตัวกันไม่ค่อยทัน ไว้ชิน ๆ แล้วซักปีสามขึ้นจะไปเที่ยวหรือทำอะไรก็คงไม่คิดมากเท่าแล้ว
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: plastic_surgery on June 08, 2011, 09:54:50 PM
เริ่ดค่ะะะะะ
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: 55 on June 08, 2011, 10:50:19 PM
ติดตามอ่านครับ กำลังตัดสินใจจะเข้าที่นี่อยู่ครับ :fea27916:
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: over the acid rain on June 09, 2011, 12:03:04 AM
เพิ่งจะคิดหัวข้อเพิ่มเติมของข้อแรกออก ขอเขียนให้หมดเลยแล้วกันนะคะ
1.   การเรียนintensive
2.   การเลือกcampusกระทบชีวิตยังไงบ้าง
3.   หนังสือเรียนหรือซีร็อค ซื้อชีทเรียนพิเศษดีไหม
4.   Intensive account สำคัญหรือไม่
5.   เอแบคมีอะไรบริการนักศึกษาบ้างไหม

โปรแกรมเรียนที่สำคัญอย่างนึงก่อนจะเป็นนักศึกษาเอแบคอย่างเต็มตัวคือ Intensive
 ผู้สมัครทุกคนต้องสอบวัดผลทางภาษาอังกฤษเพื่อจัดกลุ่มว่าต้องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมในระยะเวลาเยอะเท่าไหร่
เช่น 120ชม. 60ชม. 30ชม. วัดตามผลสอบ เนื้อหาการสอบเป็นerror, grammar, reading ซึ่งผลสอบสามารถรู้ผลได้ทันทีถ้าทำการสอบที่มหาวิทยาลัย
 (ถามว่ามีที่อื่นด้วยหรอที่มหาวิทยาลัยจัดสอบ? มีคะ จะเป็นตามโรงเรียนมัทยมที่นักเรียนนิยมเข้าเอแบค
 เช่น อัสสัม บางรัก, อัสสัมศึกษา, กรุงเทพคริสเตียน และอีกมากมาย
รายละเอียดถามเพิ่มได้ที่ห้องทะเบียนแผนกทะเบียนนักศึกษา)
การเรียนIntensiveก็เป็น ช่วงระบะเวลาสั้นๆที่จะเรียนตั้งแต่เช้าจนเย็นนะคะ
 มีพักช่วงเที่ยง อาจารย์ที่สอนจะมีสองคน และจะเป็นสองคนนั้นจนจบคอร์ส
และคอร์สนี้มีการเก็บคะแนนของเราด้วยนะคะ ซึ่งถ้าเก่ง สามารถพัฒนาตัวเอง ส่งงานครบ
จะทำให้ในเทอมหนึ่งได้เรียนวิชา English1เลยนะคะ ซึ่งบอกตามตรงว่าน้อยคนที่จะได้ในระดับนี้
ส่วนใหญ่ก็ต้องเรียน Intensive Englishเพิ่มในเทอม1
   และการเลือกcampusในการเรียนintensive English ก็สำคัญและมีผลกับสังคมเราในอนาคตด้วยนะคะ
ส่วนตัวผู้เขียนเลือกเรียนหัวหมาก เพราะบ้านใกล้ ดังนั้นเพื่อนที่นี้ส่วนใหญ่วิชาbgก็พยายามเลือกลงหัวหมาก
 พอไปเรียนบางนาก็อาจจะต้องเริ่มปรับตัวใหม่อีกครั้งนะคะ
ดังนั้นถ้าใครที่ชอบกังวลและเครียดเวลาเข้าสังคมใหม่ๆ
 การเลือกบางนาก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเพราะนานๆไปคุณก็จะชินกับที่นั้น
 แล้ววันนึงก็จะไม่รู้สึกว่าเดินทางลำบากอีกต่อไป เพราะต้องไปทุกวัน55
หรือถ้าใครเลือกหัวหมากก่อนแล้วเปิดเทอมไปบางนา ก็อาจจะเหงาๆได้เพราะดูเหมือนคนอื่นจะมีกลุ่มกันไปหมดแล้ว
แต่จริงๆเรื่องการเข้าสังคมมันไม่ยากหรอกคะ ยังไงคุณก็จะมีเพื่อนอยู่ดี ถ้าคุณเป็นคนปรกติ จะช้าหรือเร็ว จะดีหรือซวย
เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้หรอกคะว่าเราจะไปเจอเพื่อนในกลุ่มดีๆไหม อันนี้ก็ขอให้เลือกดีๆ ทำบุญเยอะๆแล้วกัน

   การเรียนในปีหนึ่งปิดเทอมหนึ่ง จะมีเวลาหยุดสั้นๆ ไม่ถึงเดือน แต่ว่าทางเอแบคจะให้เราไปเรียนวิชา intensive accountเพิ่มนะคะ
 ซึ่งมีคะแนนเก็บ5คะแนน เป็นการสอบเก็บคะแนนหลังจากเรียน
การสอนก็พวกสอนให้เรารู้การลงบัญชีเบื้องต้น สอนให้เรารู้จักชื่อพวกบัญชีต่างๆ
หรือคุณจะเลือกไม่เรียนไอโปรแกรมเพิ่มมาแบบเหมือนฟรีๆ แต่จริงๆเค้าเก็บตังค์คุณแล้วก็ได้ค่ะ
เพราะถึงเวลาเรียนวิชา บัญชีเบื้องต้น หรือact1600 คะแนน5เปอร์เซ็นต์นั้นจะมาเป็นคะแนนควิส
คือถ้าไปเรียนแล้วได้คะแนนมาแล้วไม่ต้องสอบควิส แต่ถ้ายังก็สอบควิสไป

   มาถึงหนังสือเรียน คือการซื้อหนังสือซีร๊อคมันก็คือผิดกฎหมายนะคะ แต่คนก็นิยมรวมถึงเรา
 เพราะมันถูกกว่าเยอะอะ ข้อเสียมันก็มีค่ะ คือมันชอบไม่มีสารบัญ (อันนี้ไม่รู้ทำไมร้านเค้าไม่ซี) ไม่มีสีสันชวนอ่าน บางทีไม่ชัด แต่นักศึกษายอมแลกคะ
 เพราะมันถูกกว่าสองสามเท่าได้นะ แนะนำว่าถ้าบางวิชา(เช่นวิชาคณะ) หนังสือของแท้มันทนเก็บได้นาน เอามาอ่านได้อีกก็ลงทุนไปเถอะคะ
   มาถึงชีทเรียนพิเศษ ถ้าสมมุติใครไม่เรียนพิเศษ ซื้อชีทเรียนพิเศษอ่านเพิ่มก็ได้เพราะว่ามันก็ไม่กี่บาท
 แล้วมันก็ไม่จริงเหมือนตามที่สอนพิเศษพูดหรอกว่าถ้าอ่านเฉยๆจะไม่เข้าใจ มันก็มีบ้างนั้นแหละคะที่เราไม่กระจ่างจริงๆ แต่มันก็ยังพอช่วยบ้างนะคะ ในราคาประมาณ50บาท
   การบริการของมหาลัยนะคะ ถามว่าเอแบคมีอะไรบริการนักศึกษาบ้าง จริงๆแล้วเยอะนะ แต่เราไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ ขอโทษด้วยนะคะ
แต่ที่เราทราบมาคือ อย่างแรกอันนี้ทุกคนรู้ คือคอมฟรี มีบริการหลายตึกนะคะ ที่ห้องสมุดก็มีทั้ง2campus หนังสือในห้องสมุดมหาลัยมีหนังสือดีๆมากมายนะคะ
รวมทั้งหนังสือเรียนในวิชาต่างๆก็มี มีดีวีดีหนังให้ดูนะคะ มีโรงหนังอยู่ชั้น1clมีสองรอบต่อวันและมีตารางหนังด้วย
มีฟิสเนส มีสนามกีฬา สระว่ายน้ำฟรี wifiฟรีที่มหาลัย อันนี้ของฟรีเด็ดเลยที่ชอบแต่คนไม่ค่อยรู้ คือนอกจากเราจะหาข้อมูลจากห้องสมุดแล้ว
เอแบคซื้อข้อมูลของเว็ปไซต์
 http://www.emeraldinsight.com/  นักศึกษาทุกคนสามารถเข้าถึงได้นะคะ แต่มีข้อจำกัดคือต้องมาใช้อินเตอร์เน็ตที่มหาลัยเท่านั้นและสามารถดูข้อมูลทุกอย่างในเว็ปไซต์นี้ฟรี

หัวข้อแรกมันเยอะแล้วใหญ่มาก คู่มือนี้ขอใช้เวลาซักอาทิตย์นึงแล้วกันนะคะ คงจะเสร็จ
มีเรื่องราวต่างๆมากมายที่เราคิดว่าน่าสนใจ และอยากเล่าให้ฟัง เช่นเรื่องเพื่อน แยกย่อยหัวข้อได้มากมาย
การรวมกลุ่มทำรายงาน เพื่อนเกาะไม่ยอมช่วยงาน เพื่อนชวนเที่ยว เพื่อนกินเหล้า เพื่อนติดยา
 คือมหาลัยมันก็ต้องยอมรับว่าเป็นสังคมที่คนก็โตในระดับหนึ่งแต่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวหรอก ถูกชัดจูงง่าย เดี๋ยวมาต่อแล้วกันฝันดีคะ
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: plastic_surgery on June 09, 2011, 12:28:13 AM
แหม่อ่านแล้วมันมากเลย
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: 4455 on June 09, 2011, 02:17:50 AM
นับถือความพยายามแต่

Bus "Law" l ไม่ใช่ r
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: pze on June 09, 2011, 02:49:45 AM
10. drugs and sex
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: Mullika on June 09, 2011, 09:08:18 AM
นับถือในความพยายามมากเลยค่ะ
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: experience on June 09, 2011, 06:13:12 PM
ยอดเยี่ยมมากนะครับ

ทำไมไม่เขียนตอนผมอยู่ปี1 5555 มันไม่ทันซะแล้ว TT
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: plastic_surgery on June 09, 2011, 08:14:19 PM
คิดเหมือนคนข้างบนเลย 55555
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: แมค on June 09, 2011, 08:34:20 PM
เยี่ยมมากเลยค่ะ ขอบคุณมากๆเลยจริงๆ มีประโยชน์มากๆๆ
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: Over the acid rain on June 09, 2011, 10:19:16 PM
 :9a9e6a59:คราวนี้เขียนเรื่องการลงทะเบียนเอาไว้ 
แต่ว่าลืมเซฟกลับมาจากมหาลัย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะกลับไปเซฟมา 
ไม่ก็จะเขียนหัวข้อนี้ไหม และขอบคุณมากนะคะสำหรับคำที่ช่วยแก้ต่างๆ

ขอข้ามมาหัวข้อ 3.การสอบ : การเลือกวิชากับวันสอบมีประโยชน์อย่างไร, time conflict, cheating ก่อนนะคะ

สำหรับวันสอบ ก่อนที่การสอบจะมาถึงน้องๆก็ควรเตรียมตัวดีๆ 
ถ้าใครตัดสินใจจะเรียนพิเศษก็ควรจะเรียนให้เสร็จก่อนช่วงการสอบมาถึง(ไม่ใช่วันสอบของคุณวันแรกนะ) เพราะไม่งั้นคุณอาจจะต้องเสียเวลาในการรอเป็นชั่วโมง แทนที่คุณจะได้เรียนเลย
หรือที่เรียนไหนมีการจองเวลาก็ควรจองไว้ก่อน ที่ไหนสามารถจองแล้วไปกินข้าวได้ก็รีบมาลงชื่อ
 หรือบางทีถ้าไม่มีทั้งสองอย่างการมาตั้งแต่ที่เรียนพิเศษเปิดก็ช่วยได้ (เหมือนจะนอกเรื่องไปหัวข้อเรียนพิเศษ) 


การอ่านหนังสือ ควรอ่านสองรอบจะทำให้เข้าใจคำถามทั้งหมดว่ามันเกี่ยวกับอะไร
แต่จะให้ตอบได้ทั้งหมดนี่คิดว่าไม่นะ ถ้าอ่านสามรอบแล้วมีเพื่อนช่วยกันถามช่วยกันติวจะช่วยเรื่องการจำคีย์ต่างๆได้ดีมาก
 ส่วนใครที่เรียนเก่งๆ หรือไม่ต้องเก่งแต่พอจะติวได้ หรือไปเรียนพิเศษมาแล้วมาติวเพื่อนที่ไม่ได้เรียน
 ถ้าคุณไม่หวงความรู้เกนไปนั้น เพื่อนคุณก็จะเข้าใจเนื้อหามาขึ้น ส่วนตัวคุณก็จะจำเนื้อหาได้มากขึ้นนะคะ

สำหรับใครที่สามารถเลือกวันสอบให้ห่างกันได้บ้าง ซักหนึ่งวันเป็นอย่างน้อยก็พอจะช่วยให้ไม่เหนื่อยเกินไป
 แต่ถ้าใครสอบติดกันแค่สองวิชาก็จะเหนื่อยแล้วนะคะ ยิ่งถ้าสองวิชานั้นเป็นวิชาคำณวน อาจจะหนักเกินไป

แต่ยังมีบางกรณีที่เวลาสอบชนกัน โดยส่วนใหญ่เวลาสอบชนกันจะลงไม่ได้ แต่ในวิชาปีหลังๆจะลงได้
แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณอนุณาตให้สอบชนกันได้นะคะ คุณต้องทำเรื่อง ขอดีนให้เช็นต์อนุณาตให้คุณ และควรทำตั้งแต่ต้นเทอมนะคะ
ในช่วงของการแอดเพิ่มเลยนะ เพราะถ้ามีอะไรผิดพลาดเค้าไม่อนุณาตขึ้นมาก็พอจะมีทางแก้ไข แต่ถ้าเค้าไม่อนุณาตนั้น
** คุณก็ไม่ควรจะโกงด้วยการไปสอบวิชานึง อีกวิชายื่นเรื่องป่วยหรืออะไรก็แล้วแต่นะคะ
เพราะนอกจากคุณจะไม่ได้สอบแล้ว ระวังโดนทำโทษข้อหาข้อมูลเท็จนะคะ อยากคิดว่าวิธีนี้จะเป็นวิธีที่ฉลาดเลยนะ

หรือบางคนมีสอบวันเดียวสองวิชา แต่คนละมหาลัยทำยังไงมีเวลาแค่หนึ่งชั่วโมง
 อันนี้ไม่ต้องทำเรื่องเลยนะคะ มหาลัยจะทำเรื่องให้คุณเองและคุณจะเข้าสอบที่ไหนก็ได้ ไปดูรายชื่อได้หน้าห้องทะเบียน

พอถึงวันสอบ ถาบังเอิญลืมเอาไอดีการ์ดมา
 ก็รีบไปห้องไฟแนนจ่ายเงินสองร้อยเพื่อขอให้เค้าปริ้นไอดีเพื่อสอบให้เรานะคะ
 (ควรขอทีเดียวให้ครบเลยทุกวิชานะคะ สามารถทำได้และไม่ต้องเสียสองร้อยเพิ่มอีก)

ในกรณีเข้าห้องสอบแล้วอาจารย์งี่เง่าหาว่าเราต่งตัวผิดนู้นนี่ ข้อนี้ถ้าคุณมั่นใจจริงๆว่าคุณไม่ผิด
 สามารถลงไปคุยกับที่ห้องทะเบียนหรออาจารย์ที่เดินตรวจตามตึกให้ช่วยตรวจคุณถ้าเค้าอนุญาต ให้เค้าช่วยไปคุณกับอาจารย์คุณนะ
 ส่วนถ้าคุณๆรู้ตัวว่าผิดเต็นๆก็รีบเปลี่ยนชุดซะ หรือรีบไปซื้อที่ห้องสมุด อาจารย์สามารถไม่ให้คุณสอบถ้าเข้าห้องช้าเกินสิบห้านาทีนะคะ

วันไปสอบก็อย่าเอากระเป๋าแพงๆไปเลย เพราะเด็กในห้องบางคนรู้หน้าไม่รู้ใจ
 ถ้าทำข้อสอบช้าออกมาอีกทีกระเป๋าคนอื่นหยิบไปแล้ว เคยมีเกิดขึ้นนะคะ 

ส่วนใครที่คิดจะโกงข้อสอบ ด้วยโพยหรืออะไรก็ตาม ...  
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: Over the acid rain on June 09, 2011, 11:08:05 PM
 :3070242c:เรื่องการโกงข้อสอบนะคะ ไม่แนะนำให้ทำจริงๆ แนะนำให้เตรียมตัวให้ทันจะดีกว่า

เพราะถ้าคุณโดยจับได้ขึ้นมา คุณอาจจะคิดว่าชีวิตแทบดับเลยก็ได้
 แต่จริงๆถึงแม้คุณโดยจับมันก็ไม่ได้ดับชีวิตคุณหรอกนะ 
ถ้าคุณโดนอาจารย์จะให้คุณเช็นต์ใบ(จะยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ได้) 
แล้วพอช่วงสอบจบไป ก็จะมีจดหมายนัดตัวคุณไปสอบสวน
 ถ้าคุณโดยจับอย่างมีหลักฐานจริงๆขอให้ยอมรับ อย่าโกหก หนีอีกแล้วคิดว่าตัวเองจะรอด 
โทษคุณมีแต่จะโดนเพิ่มนะคะ จะโดนหนึ่งปีไม่มีการผ่อนผัน 
แต่ถ้าคุณยอมรับ 
คุณสามารถมาทำงานช่วยมหาลัยหนึ่งเทอมโดยไม่ได้ผลตอบแทนนะคะ
 ผลตอบแทนจะเป็นคุณจะรู้จักและเข้าใจมหาลัยมากขึ้น
 ถ้าใครที่ไม่รักอาจจะรัก หรือใครที่รักอาจจะเกลียดก็ได้ค่ะ555
 คุณต้องเข้างานประมาณแปดโมงจนถึงสี่โมงครึ่ง 

ส่วนถ้าใครที่คิดว่าตัวเองไม่ผิดก็ไม่ต้องยอมรับนะคะ 
พูดตามความจริงไป ไม่โกหกเค้าคุณก็รอดอยู่แล้วค่ะ

ต่อไปคือการlate exam ถ้าสมมุติว่าป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุในวันสอบ
 คุณสามารถมาทำเรื่องขอสอบทีหลังได้
 โดยจะให้ใครมายื่นเรื่องแทนก่อนก็ได้ถ้าไม่ไหวจริงๆ และควรทำภายในสามวันหลังจากวันขาดสอบ
 เตรียมหลักฐานให้ครบที่สุดเท่าที่คุณมีนะคะ 
กรณีหลักฐานเท็จคุณจะไม่ถูกอนุญาตให้สอบ
 ถ้าข้อมูลละเอียดชัดที่สุดคุณไม่ต้องไปสัมพาษณ์ 
แต่ถ้าไม่ชัดจะมีเรียกไปสัมพาษณืเพิ่มนะคะ 
ซึ่งมีสิทธิที่จะอนุญาตหรือไม่แล้วแต่อาจารยฑิจารณาว่าคุณโกหกหรือไม่ 
แนะนำว่าอย่าโกหกนะคะ 
ถึงแม้คุณจะป่วยจริงๆแต่อนากโกหกให้ดูป่วยมากน่าสงสาร 
ถ้าเค้าจับได้ก็จบนะคะ

แต่ส่วนตัวคิดว่าการขอสอบทีหลัง 
ไม่ดีเท่าสอบเลยนะคะ เพราะเคยไม่สอบเพราะป่วยจริงๆหนึ่งครั้ง 
สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ไปเพราะคิดว่ามีความรู้ไม่เท่าช่วงสอบแล้ว
 ทั้งๆที่จ่ายตังค์ค่าสอบพันห้าไปแล้วด้วย 
เพราะส่วนใหญ่จะบอกว่าข้อสอบยากขึ้น จำนวนข้อเยอะขึ้น

วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้อาจจะมาได้ซักสองหัวข้อ
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: น้องใหม่ on June 15, 2011, 02:00:06 PM
รออ่านต่ออยู่นะคะ  :098eb4a5:
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: จริงใจ on June 15, 2011, 08:35:37 PM
การโกงข้อสอบมีโทษกี่ขั้นค่ะ พิจารณากันอย่างไร และระเบียบเกี่ยวกับวินัยนักศึกษาหาอ่านได้ที่ไหน
 :860e2a45:
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: BESTYLEZ on June 16, 2011, 04:48:08 PM
รออยู่ครับ รอตอนต่อไปๆๆๆๆ
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: Over the acid rain on June 16, 2011, 11:09:24 PM
สำหรับการคบเพื่อนที่เอแบค 
มีหลายวิธีมากนะคะที่จะมีเพื่อนใหม่ๆ 
การเข้าชมรมก็เป็นทางนึง 
แต่ถ้าชมรมไหนคนสมัครเยอะเกินบางชมรมก็อาจจะมีการคัดเลือกคนกันนึดนึง 
เราว่าการเข้าชมรมก็ดีเหมือนกัน นอกจากได้เพื่อนได้รุ่นพี่ ยังได้ที่ปรึกษาทางการเรียนที่ดีด้วย 
บางทีก็ได้ติวเตอร์ สอนเราได้อีก เยี่ยมๆ 

จริงๆแล้วการมีเพื่อนในเอแบค 
ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนร่วมห้อง 
ซึ่งบางคนก็รุ่นพี่รุ่นน้องปนกันไป 
จริงๆเราดูเหมือนว่าสังคมเอแบคไม่ค่อยมีระบบพี่น้อง 
แต่ทุกคนที่เรียนร่วมกัน ทำงานกลุ่มร่วมกันคือเพื่อนกันหมดอะ ก็มีข้อดีข้อเสียอยู่เหมือนกัน ในคนที่เคร่งเรื่องรุ่นพี่รุ่นน้องมากๆอะนะ 
แต่เราชิวมาก ถ้าเด็กกว่าเราเรียกชื่อเราเฉยๆก้ไม่เป็นไรอะคะ 
เรามองที่ผลของงานมากกว่า ไม่ว่าจะรุ่นอะไร ขอให้มีความรับผิดชอบอะ

อีกเรื่องนึง บางวิชาจะมีงานกลุ่ม ซึ่งการมีทีมร่วมกลุ่มที่ดีก้ดีเหมือนกัน แบ่งงานได้เท่าเทียมก็ดีกับทั้งเราและทีม 
แต่การเข้ากลุ่ม
ถ้าไม่มีเพื่อนที่รู้จักมาก่อน เราก็ไม่สามารถรู้นิสัยคนอื่นได้หรอกนะคะ จริงๆ
บางคนรู้หน้าไม่รู้ใจ ดังนั้นการร่วมงานกับใครก็ขอให้เปิดใจกันก่อน 
เพื่อนในกลุ่มมันก็เหมือนเพื่อนร่วมงานในอนาคตเราไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าใครดี ใครมีประสิทธิภาพจริงถ้าเราไม่ได้ร่วมงานกับเค้าก่อน 
บางคนแต่งหน้าแรงๆแต่งตัวแรงๆรับผิดชอบก้มีนะคะ 
บางคนหน้าเนิสๆแต่ไม่ช่วยก้เจอมาเหมือนกันคะ

และการที่เราจะร่วมกลุ่มกับชาวต่างชาติก้เปนโอกาสที่ดีนะคะ 
นอกจากได้ฝึกภาษาแล้ว เรายังได้เรียนรู้การทำงานเป็นกลุ่มของชาวต่างชาติด้วย 
ครั้งนึงเรามีประสบการ์ณได้ทำงานร่วมกับคนจีนทั้งกลุ่มมีเราคนไทยคนเดียวเราก็เกร็งมากนะคะ 
มีปัญหาบ้างเรื่องการสื่อสาร และถ้าไม่พูดถึงเรื่องนิสัยเฉพาะของคนจีนส่วนใหญ่ และโฟกัสที่การทำงานแต่จิตใจ 
จริงๆแล้วพวกเค้าดีนะคะ และยังมีความรับผิดชอบมากกว่าคนไทยด้วย 
(สมมุติว่างานส่งสิ้นเดือน กลางเดือนคนจีนจะทำงานกันเสร็จแล้วนะคะ คนไทยนี่ทำคืนสุดท้ายก่อนส่ง ไม่หลับไม่นอนกัน) 
แต่จริงๆคนไทยดีๆไม่ขี้เกลียดก้มีนะคะ แต่น้อยอะ ไม่ค่อยเจอเหมือนกัน 

ส่วนใครที่เจอเพื่อนที่เกาะ พยายามจะลงทะเบียนตามทั้งๆที่อยู่กลุ่มเดียวกันก้ไม่เคยช่วยงานเลยนะคะ 
วิธีหนีก้คือ จริงๆเพื่อนพวกนี้จะเรียนไม่ค่อยเก่งมากนะคะ 
เราก้รีบๆลงทะเบียนให้เต็มลิมิตและตั้งใจเรียนให้ผ่านให้หมดนะคะ เทอมเดียวก็หนีได้แล้ว 
เป็นทางที่เนียนที่สุดถ้าไม่อยากเลิกคบกันอะ 
เพราะบางทีก้ยอมรับว่าเพื่อนบางคนเป็นได้แค่เพื่อนที่ดีแต่เป็นเพื่อนร่วมงานที่แย่มาก 

ส่วนใครที่อยากจะมีปัญหากับเพื่อน หรือทนไม่ไหวที่มหาลัย 
แนะนำว่าอย่านะคะ การตบตีกันเหมือนในคลิปเด็กๆมัทยมกันนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลย 
เพราะอาจจะเป็นสิบนาทีที่มีปัญหา 
แต่มันอาจจะหมายถึงคุณอาจจะหมดโอกาสเรียนมหาลัยนี้หรือโดนพักการเรียนได้นะคะ 
และมันดูเป็นกิริยาที่คนมีการศึกษาและจะไม่ทำกันด้วยค่ะ

และเพื่อนอีกเหมือนกันที่อาจจะทำให้คุณได้รู้จักโลกใหม่ที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น 

บุหรี่ ผู้หญิงหลายๆคนเริ่มสูบบุหรี่เมื่ออยู่มหาลัยนะคะ 
เราไม่ทราบเหตุผลจริงๆว่าเพราะอะไร 
แต่เราทราบแน่ว่าบุหรี่เป็นสิ่งเสพติดย์แรกที่จะพาเราไปสู้สิ่งอื่นๆนะคะ

เหล้าก็ดูเหมือนจะเป็นเครื่องมือการเข้าสังคมของวัยรุ่นสมัยนี้นะคะ 
เข้ามหาลัยแรกๆก็เอาแล้ว ต้องเข้ากลุ่มเข้าแกงค์ไปกินเหล้าทำความรู้จักกัน เข้าถึงกัน 
แต่จริงๆแล้ว ถ้าใครจะกินจะไปสังสรรค์ก็แล้วแต่นะคะ 
แต่ต้องอย่าลืมมีความรับผิดชอบกับตารางเรียนด้วย 
และเรื่องที่สำคัญอีกอย่างนึงเลยก็คือ เมาแล้วอย่าขับเด็ดขาด 
คุณอย่าเอาเรื่องแค่นี่มาสร้างความเสี่ยงให้ชีวิตคุณตายง่ายนะคะ เพราะจริงๆแล้วการที่คุณมาเรียนที่นี้ 
ยิ่งคุณอยู่ปีสูงขึ้น เพื่อนๆก็เริ่มหายไป ด้วยเพราะว่าย้ายมหาลัยไปบ้าง 
และอีกเหตุผลที่เราไม่อยากให้เกิดก็คือตายไปบ้าง 
เด็กเอแบคตายเยอะนะคะ 
และปัจจัยที่ทำให้ตายส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่เลือกได้ป้องกันได้ 
แต่เราใช้ชีวิตกันสุดโต่งไปหน่อย

ยาเสพย์ติด เป็นอีกอย่างหนึ่งเลยที่ต้องยอมรับว่ามันอยู่รอบๆตัวเราจริงๆ 
และวัยมหาลัยเรื่องพวกนี้เข้าถึงง่ายมาก 
ไม่ว่าจะมาจากเพื่อนมหาลัยเดียวกันหรือข้างนอก 
มันเหมือนเป็นเครื่องมือที่บอกว่าเราสุดๆกันแล้วจริงๆ เก่งจริงเจ๋งจริง 
ขอให้เปลี่ยนความคิดและเปิดมุมมองใหม่เลยนะคะ 
ของพวกนี้มันมีแต่โทษทั้งนั้นและมันก็ไม่ได้ช่วยให้เราขยันหรือจำอะไรได้ตลอดหรอก 
เพื่อนบางคนอาจจะตั้งตัวเป็นผู้ค้าเพื่อนหารายได้้ก้อนโต 
เงินได้มาเยอะจริงแล้วมันไม่คุ้มหรอกคะถ้าวันนึงคุณถูกจับได้
เป็นทางที่โง่ทางนึงเลยที่จะผันตัวมาเป็นผู้ค้าด้วย 
แต่ผู้ค้าที่เป็นนักศึกษามีจริงๆ และมีหลายระดับ ตั้งแต่กัญชา เบสิกมากไปจนถึงไอซ์ 

ปล.บางคนถึงขนาดปลูกต้นกัญชากันเองที่หอ 
เราว่ามันเป็นทางเสื่อมมากอีกทางนึงอะ

และการพนันก็เป็นอีกที่สิ่งหนึ่งที่เราจะเข้าถึงกันได้ง่ายๆ 
คุณอาจจะเล่นตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ระดับมหาลัย 
คุณจะเสียมันเป็นแสนๆได้ และคุณอาจจะเจอกับหนี้เป็นล้านได้ 
เงินที่คุณได้มา คุณไม่ได้จับไม่ได้ใช้มันจริงอยู่แล้ว
ของพวกนี้ไม่มีใครจะรวยจะประสบความสำเร็จหรอก
พวกคุณแค่ลุ้นมากขึ้นตื่นเต้นมากขึ้น แต่มันไม่ฉลาดมากๆเลยนะคะ 
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: Over the acid rain on June 17, 2011, 04:16:00 PM
เรื่องกายแต่งกายมามหาลัย 
ก็เป็นอีกเรื่องที่นักศึกษาใส่ใจกันมากเลยนะคะ

แต่ถ้าคุณเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งดูด้วยน้า ว่าเค้าแต่งตัวกันยังไง
ส่วนใหญเด็กเอแบคไม่ค่อยแต่งตัวผิดระเบียบ แต่มันจะผิดเรื่องไม่ใส่เสื้อเข้าในมากกว่า

จริงๆ เหตุผลที่เค้าให้คุณใส่เสื้อเข้าใน มันเป็นการส่งเสริมรูปรักษ์คุณอย่างนึงคะ
เพราะมหาลัยเราสอนการเป็นนักธุรกิจไง 
การแต่งตัวที่ดูเรียบร้อยในตอนนี้จะทำให้เราชินในอนาคต..มั้ง

ในนักศึกษาหญิง มหาลัยเราไม่นิยมใส่เสื้อนักศึกษาหลวมๆพับแขนนะคะ
เพราะเอกรักษ์นั้นเห็นจะนิยมในหมู่นักศึกษามหาลัยกรุงเทพ 
หรือมหาลัยรังสิตมากกว่านะคะ 
และกระโปรงนักศึกษาเราจะไม่สั้นขนาดสองมหาลัยข้างต้นนะคะ
เพราะถึงคุณจะใส่ยาวกว่านั้นแล้ว แต่หน้าตาไม่ถูกระเบียบยามบางคน 
คุณก็มีสิทธถูกเรียกได้
ส่วนกระเป๋าเด็กเอแบคนิสัยจะใช้แบรด์เนมมาก
เพราะเป็นการแสดงสถานะทางสังคมอย่างนึง
ซึ่งปลอมก็มีบ้างแต่น้อยมาก
เมื่อเปรียบเทียบกับมหาลัยอื่น
และกระเป่าใบละห้าหมื่นก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไป
ถูกๆที่ใช้ชนกันเป็นบ้าก็สองหมื่นกว่า หลุยต์ไง มีกันเยอะมาก
และใช้ชนกันมากที่สุด

แต่ก็จะมีนักศึกษาหญิงมีตังค์บางกลุ่มใช้ของแบรด์เนม แพงแต่คนไม่ค่อยรู้จัก ซึ่งเปอร์เซ็นต์มีน้อยจริงๆ 
ส่วนใหญ่จะเป็นใช้ของแพงที่เป็นที่นิยม
ถ้ารองเท้าก็ต้องเป็นรองเท้าที่ดูแล้วรู้ว่าแบรด์อะไร
แต่นักศึกษาเอแบคใส่รองเท้าแบรด์เนมน้อยคนกว่าเมื่อเทียบกันจำนวนคนใช้กระเป๋าแบรด์เนม

และผู้หญิงส่วนใหญ่จะนิยมพกผ้าพันค้าด้วย ส่วนตัวเราเห็น่ามันมีประโยชน์จริงๆนะ
แต่บางคนก็เอามาพันคอเฉยๆเพราะใช้ของแพง
เช่นพอลสมิทไม่ก็โคเซ็ทแบรนด์ไทยไฮโซแต่ต้องรุ่นที่หายากจริงๆนะ

การทำผมในนักศึกษาหญิงส่วนใหญ่ก็มาเต็มมากอะ ดูแบบทำนาน ต้องตื่นเช้า
การแต่งหน้าก็เหมือนกัน บางคนถึงขนาดใส่ขนตาปลอมมา
แต่เราว่าแต่งเอาแต่พอดีดีกว่า ขนตาปลอมมันดูอคาซ่ามากอะ
การแต่งหน้าแต่งตัว ถ้ามันดูแรงไปภาพรักษ์ เราก็ไม่ดีเหมือนกันนะคะ

ในนักศึกษาชาย มหาลัยเราไม่มีใครใส่ยีนต์สีน้ำเงินมาเรียนนะคะ
สีดำก็พอมีบ้าง แต่เสี่ยงโดนเรียกมาก
การใส่เสื้อ นักศึกษาชายส่วนใหญ่นิยมแขนยาวพับแขน
บางคนจะซื้อเสื้อแบรนด์ไทย มีปักเล็กน้อยดูหรูหรา
แต่การใส่เสื้อแบบนี้มีสิทธิถูป้าเรียกได้
เข็มขัดก็จะไม่ค่อยใส่ของมหาลัย แต่จะใส่แบรนด์เนม 
เท่าที่เห็นก็มีแท้บ้างปลอมบ้าง ปลอมเยอะมากถ้าเป็นแอร์เมส
รองเท้าก็มีหลายแบบนะ

แต่มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกันในนักศึกษาชาย 
ถ้าเค้าเหล่านั้นมีรถหรูราคาแพง
เค้าจะไม่สามารถเก็บกุจแจรถไว้ในกระเป๋ากางเกงได้เลย
จะเอามาห้อยนอกตัว
ถือกวังเกว่งไปมา ระวังหายนะคะ หุหุ

และในเทอมล่าสุดนี้ ดูเหมือนมีการจริงจังขึ้นเรื่องการแต่งตัวของนักศึกษา
มีการแจกใบเตืิอนกันทั้งหน้า
ถ้านักศึกษาคนไหนไม่อยากโดน
กรุณามาเรียนตรงเวลา เพราะคนจะเยอะ
เค้าจับไม่ทัน
และในช่วงเข้าคนพวกนี้จะขยันจับเป็นพิเศษ
และมาตรฐานการตัดสินโทษต่างกัน 
สำหรับป้า คุณอาจจะผิดระเบียบได้มาก ถ้าคุณใส่ส้นสูงสีแดง
แต่ถ้าส้นเตี้ยสีแดงเปรี้ยวเยี่ยวราดยังไงไม่เป็นไร
เดี๋ยวนี้มีการจับส้นเตี้ยรัดส้นแบบโล้นๆมากขึ้น แต่ถ้าเป็นส้นสูงรัดส้น ดูโล้นๆยังไงยามไม่จับ
มาตรฐานเหล่านั้นดูแปลกๆนิดนึง
ปัญหาจะไม่เกิดมากหรอกถ้าเค้าคนนั้นไม่ใช้ป้า

และเค้าไม่มีอ่อนให้คุณนะ ถ้าเค้าจะเอา 
ก็ให้ไปเถอะ เพราะยังไงเค้าก็จะเอา 
โดนโทษอะไรทีหลังก็ระวังดีๆอย่าไปผิดซ้ำอีกนะ
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: obama on June 27, 2011, 04:21:20 PM
nicee !
อ่านมันมากเลยครับ  :332f960b:
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: ซามิบ on July 08, 2011, 01:34:05 PM
อ่่านจนตาลาย หุหุ :54bd3bbb:
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: over acid rain on August 05, 2011, 09:34:36 PM
อุ้ยโทษที หายไปนานมาก เพิ่งมาช่วยตอบกระทู้เมื่อกี้และเพิ่งหากระทู้นี้เจอ ต่อๆอีกซักหัวข้อแล้วกัน


การลงทะเบียน : ขั้นตอนทั้งหมด รหัสวิชา การจ่ายตังค์ ที่นั้ง ห้องทะเบียน adviser

สำหรับการลงทะเบียนหลายๆคนก็อาจจะรู้สึกว่าเป็นปัญหานึง เพราะงงมาก
แต่ขอแนะนำง่ายๆ ไม่ว่าเราจะเลขข้างหลังอะไร ก็ไม่ต้องเสียใจหรอก วันนึงเราอยู่หลังๆ ปีต่อๆมาก็จะได้อยู่หน้าๆเอง
ทุกคนก็จะต้องเจอชะตากรรมเลยท้ายอยู่หลังแทบทั้งนั้น
เลขไหนไม่สำคัญ สำคัญที่เราเตรียมตัวพร้อมไหม

อย่างแรกของการเตรียมตัว ขอพูดถึงรหัสวิชาก่อนนะคะ
การเลือกลงวิชา ถ้าไม่รู้จะตัดสินจากอะไร
ถามจากเพื่อนก็บอกวิชานั้นนู้นนี่ก็ยาก มีแต่ยากๆๆๆ แล้วถ้าไม่ลงจะจบไหม
ก็จะขอแนะนำว่า วิชาพวกBGอะไรพวกนี้จะเป็นพวกพื้นฐาน
ตัวเลขหน้ารหัสวิชาเช่น1200 จะเป็นวิชาของปี1 ถ้า2400 ก็ปีสอง ดูตามเลขข้างหน้านะคะ
ดังนั้นวิชาคณะส่วนใหญ่จะเป็น 3,4นำหน้า
การเตรียมพร้อม ควรดูหลายๆเซคไว้ ทำตารางเรียนหลายๆอัน
เลือกดูหลายๆวิชา อย่างแรกเลยก็ควรจะวางแผนก่อนว่าในเทอมนั้นไปจะลงทะเบียนกี่วิชา
ถ้ายังอยู่ปีต้นๆ กลัวปรับตัวไม่ทัน จะลง15เครดิตก็สามารถทำได้ ไม่ทำให้จบช้าเกินไป(ถ้าไม่ตกหลายๆรอบนะคะ)
คือจะลงกี่วิชา ถ้าสามารถทำตารางให้เสร็จตั้งแต่ช่วงpre-regisจะทำให้เราสบายตัวมากๆ (ซึ่งหลายๆคนสามารถทำได้นะคะ) แต่ปัญหาอีกอย่างของการลงได้ไม่ครบคือ ไม่อยากลงกับอาจารย์ที่ไม่มีคนแนะนำมาว่าใจดี
อยากบอกอย่างนึงว่าเราเคยเรียนมาทั้งใจดี ใจดีมาก โหด โหดมากๆ อาจารย์ใจดีก็มีข้อดีตรงที่เราไม่เครียด
เรียนชิวๆ บางทีถึงกับไม่ไปเข้าเรียน แต่อาจารย์ก็ไม่ว่าอะไร ดูเหมือนจะดี แต่ลองคิดดูดีๆนะคะว่าดีไหม
กับอาจารย์ที่โหด พวกเราจะเครียด แต่พอถึงเวลาเรียน นั่งกันเต็มห้อง ไม่มีเลท เวลาเรียนไม่มีเสียงดังรบกวนแม้แต่น้อย
หรือถ้ามี เราจะได้ดูการเชือดไก่โชว์เลยทีเดียว ดังนั้นเราเห็นแบบนี้ ขอเลือกเป็นลิงต่อไป
และข้อดีอีกข้อนึงก็คือ เวลามีสอบ มีควิส หรืออะไรก็แล้วแต่ เราจะอ่านหนังสือมาก หรือไม่ก็ตั้งใจเรียน เพราะกลัวตอบในห้องไม่ได้
สนใจการทำรายงาน เพราะบางทีข้อสอบจะมีเนื้อหามาจากรายงานบ้าง ดังนั้นใครทำใครได้
ลงๆไปก่อนก็ได้แล้วจะย้ายหรือยังไงก็ไปวันAdviserอีกทีก็ได้
แต่วันพบadviserควรจะเป็นวันสุดท้ายของการปรับแต่งตารางแล้วนะคะ เพราะถ้าเกินจากนี้ เสียตังค์แล้ว

พอจบช่วงนี้ พวกเราก็จะถึงช่วงสอบ(ซึ่งขอพูดในหัวข้อต่อไป)
หลังจากสอบเสร็จ เราจะมีช่วงของการทำตารางเรียนของเราอีกครั้ง ช่วงนี้เรียนว่าวันพบAdviser
ซึ่งเราสามารถเช็คชื่อได้ว่าตัวเองต้องพบอาจารย์คนไหนวันไหน ถ้าจดไว้ก็จะเป็นประโยชน์ค่ะ เพราะถึงวันก็ต่อคิวเข้าโซนได้เลย
แต่ถ้าไม่ได้จดไป ดูแต่วัน ก็ไปไล่ดูที่บอร์ดด้านหน้าก็มีบริการค่ะ
ส่วนการเช็คชื่อและวันที่ต้องไปพบ สามารถดูได้ที่ www.au.edu แล้วloginเข้าไป หาหัวข้อเกี่ยวกับ adviser นะคะ
ข้อมูลจะมีตอนใกล้ๆถึงช่วงนะ ถ้าเราไปเช็คก่อนถึงช่วง มันก็ยังไม่มีข้อมูลให้นะคะ
การไปพบที่ปรึกษา ถ้าเรายังไม่ได้เลือกคณะ ระบบก็จะสุ่มอาจารย์ให้เรา แต่ถ้าเราเลือกคณะแล้ว อาจารย์ที่ปรึกษาก็เราก็จะเป็นอาจารย์ประจำคณะตลอดไปจนจบนะคะ หรือถ้าย้ายคณะก็อีกเรื่องนะ
ส่วนถ้าคนที่เตรียมพร้อมมาแล้ว ไม่มีแอดไม่มีเปลี่ยนตารางอะไร อาจารย์ก็จะคุยง่าย คุยแปบเดียว เซ็นต์ แล้วเราก็ส่งเอกสารและออกได้เลย
แต่ถ้ายังมีอะไรจะแอดจะเปลี่ยน อาจารย์บางคนก็จู๋จี้มาก บางทีเราอาจจะไม่ได้ในสิ่งที่เราต้องการ
แต่ว่าที่อาจารย์ไม่อนุญาตอาจจะเพราะเราเครดิตไม่ถึงจริงๆ คือมันก็ต้องมีเหตุผลที่อาจารย์ไม่อนุญาตนั้นแหละไม่ใช่ไม่มีเหตุผลอะไรนะคะ
ซึ่งถ้ามีแอดมีเปลี่ยนอะไรพวกนี้อะ ก็จะนานมาก บางคนแทบเป็นลมตายเพราะไม่ได้กินข้าว จะออกไปแล้วเข้ามาทำใหม่ก็กะไรอยู่
หลังจากช่วงนี้ไปแล้ว พวกเราก็อาจจะได้มีวันหยุดประมาณอาทิตย์กว่าๆ (เวลาโดยประมาณทั้งช่วงตุลา และซัมเมอร์)

**นักศึกษาเอแบคนิยมเรียนซัมเมอร์นะคะ ดังนั้นการปิดเทอมบางทีก็เหมือนไม่ปิด แต่ก็มีบางเทอมที่เลือกไม่ลงเพราะไป
Work&travel

พอมาถึงช่วงจ่ายตังค์ เราสามารถจ่ายทางonlineได้ซึ่งสะดวกมาก แล้วสามารถมารับใบเสร็จได้ตอนเปิดเทอมที่ห้องทะเบียน ใครที่เลือกแคมปัมหัวหมากก็รับใบเสร็จได้ที่หัวหมาก ถ้าบางนาก็รับบางนานะคะ แต่ถ้าเลือกหัวหมากตอนแรก
แล้วปีหลังๆย้ายไปเรียนบางนา เค้าดูที่เราลงทะเบียนแล้วก็จะปริ้นไว้ที่บางนา (ฟังดูงงนะ555)

หรือถ้ามามหาลัย อาจจะเจอปัญหาคนเยอะบ้าง วุ่นวายบ้าง
แต่ถ้าจ่ายตังค์อย่างเดียวก็จะเร็วกว่าคนที่มาลบวิชาหรือเปลี่ยนวิชา กรณีที่ตกอิ้งนะคะ
ในช่วงนี้ อนุญาตแค่ลบวิชา และเปลี่ยนเซคอิ้งนะคะ หรือลบวิชาโดยไม่เสียตังค์เท่านั้น
(สำหรับBBAนะคะ)

**ระหว่างการติดต่อไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในมหาลัย ถ้าพกเงินสดกับตัว ระวังกันด้วยนะคะ
ไม่แนะนำให้มานับถือโชว์ไปมา ถ้าใครมาเสนอตัวว่าเป็นใครหรือแม้แต่อาจารย์ จะวานไปไหนแล้วต่อคิวให้
อย่านะคะ อย่าให้คนที่เราไม่เคยรู้จักมาเสนอจะช่วยอะไร เพราะบางทีคนเหล่านั้นอาจเป็นมิจฉาฉีพได้

การจ่ายตังค์ก็มีหลายแบบ เอาไอดีการ์ดมารูดแล้วกดรหัสให้หักตังค์ก็ได้ จ่ายด้วยเงินสด จ่ายด้วยเช็คสั่งจ่ายมหาลัย
จ่ายด้วยเครดิสอันนี้ก็มีหลายบัตร ค่าธรรมเนียมแตกต่างกันนะคะ สามารถขอข้อมูลเพิ่มได้ที่ฝ่ายการเงินนะคะ
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: Unlucky on December 16, 2011, 06:59:13 PM
ใครเรียนจบ ถ้าไม่อยากได้โรคประสาทเป็นของแถม อย่าไปทำงานที่บริษัทขายน้ำตาลทราย แถวนางเลิ้ง เพราะมีเอ็มดีนรกชั้นเก้า อีคิวต่ำ คอยต้อนรับขับไล่อยู่ ชอบด่าพ่อแม่พนักงานให้พนักงานฟัง มันจะเอารองกรรมการผู้จัดการผมสั้นหาสามีไม่ได้ทำตาขวางใส่ ตั้งแต่คุณมาสมัครงาน  ที่นั่นมันยิ่งกว่าโรงพยายาลบ้าอีก  ชอบหลอกใช้คนไปวันๆโดยเฉพาะฝ่ายบุคคลพนักงานของญาติตัวเอง  

ปี 2546 นอกบริษัท สะใภ้แก่เหี่ยวสุดๆ ลงโลงศพหรือยังก็ไม่รู้ มันก็โดนจี้สอบพฤติกรรมเรื่องโกงสมาชิกที่มาเล่นกอล์ฟในสนามกอล์ฟที่ตัวเองมีหุ้นส่วน   ทุเรศจริงๆ

ปี 2554 มันให้เอ็มดีๆผู้ชาย ตัวโย่งๆ มาเป็นตัวแทนบริจาคกระสอบน้ำตาลทรายกลุ่มไทยอะไรก็ไม่รู้ที่ดอนเมือง พวกชั่วๆทำบุญเป็นด้วยหรือ กลัวไม่รู้ว่าพวกมันยังไม่ตาย  ยัยแก่รู้ว่าพนักงานเก่าที่มันไล่ออกจากหลักฐานเท็จที่สร้างขึ้นมาต้องดูทีวีแน่ๆ แต่เปลี่ยนช่องไม่ทัน  หาว่าไปด่าลูกค้า ลูกค้าต่างหากตะคอกด่าเราตามคำเสี้ยมของมัน ตอนนี้มันได้เสี้ยมในตลาดนัดจตุจักร เซ็นทรัลลาดพร้าว  เดอะมอลล์บางกะปิ ขอโทษที่เอ่ยชื่อห้าง เพราะพวกมันแกล้งเราจริงๆ  มีพ่อค้าแม่ค้าบ้าตามมันแล้ว

หมายเหตุ ใครเป็นลูกเมียน้อย ถ้าเป็นผู้หญิง อย่าไปสมัคร ชัยพร ขี้ข้าของเอ็มดีนรก มันจะหลอกไปแกล้งว่าไปกินข้าวที่กรมวิเทศน์ แล้วตลบแตลงว่า คุณอยากเป็นเมียน้อยมันต่อหน้าลูกค้าของบริษัท ทั้งที่หน้ามันแย่ยิ่งกว่าเท้าสุนัข   สั่งให้กอดแฟ้มแน่นๆ ให้หน้าอกคุณแนบกับแฟ้มของมัน ไอ้คนลามก ตัวอันตราย เอ็มดีกลับไม่ไล่มัน
  


Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: NaTaKrit Nganchamang on March 14, 2012, 09:36:41 PM
อ่านจนตาลายเลยครับ 5555  แต่ก็มีข้อคิดที่ดีมากมายมหาศาลมากเลยครับ เช่น วิชาการ(Academics) ทักษะ(skill) จิตวิทยา(psychology) และ ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับมหาลัย(Information about to campus) ขอบคุณมากๆครับผม
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: dk on May 03, 2012, 06:02:04 PM
 :af48944b:Thank you.....get A na
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: ตา on May 08, 2012, 08:45:53 AM
ขอถามนิดนึงค่ะ พอจะรู้มั้ยคะว่า จะหาหนังสือคู่มือนักศึกษา ABAC ปีเก่าๆใด้ที่ไหนบ้าง หรือว่่าจะเป็นห้องสมุดมหาวิทยาลัยคะ
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: ตา on May 08, 2012, 08:49:31 AM
เอ่อ ลืมบอกเบอร์ติดต่อ ใน facebook ก็ใด้ค่ะ Dta Patcharin ค่ะ เป็นคู่มือช่วงปี 2000-2004 ใด้ยิ่งดีเลยค่ะ ขอบคุญมากค่ะ
Title: Re: คู่มือนักศึกษาเอแบค
Post by: Majacaba on October 28, 2012, 08:34:44 AM
ขอบคุณมากเลยนะค้ะ ที่มาแบ่งปันสิ่งดีๆขอให้พี่เจอแต่สิ่งดีๆ
ตลอดไปนะคะ