Share this:

ขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังขัดล้างรถอย่างขะมักเขม้น

ลูกชายวัย 4 ขวบ ก้มลงเก็บก้อนหินขึ้นมา
แล้วบรรจงขูดขีดไปบนด้านข้างของตัวรถ

พักใหญ่ต่อมา…
เมื่อพ่อได้ยินเสียงครูดของหิน
ก็เกิดความฉุนเฉียว โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เขากระชากมือลูกมา
ตีลงบนมือน้อย ๆ นับครั้งไม่ถ้วน
โดยไม่ทันนึกว่าตนได้ถืออะไรอยู่ในมือ

ณ โรงพยาบาล..
นิ้วลูกชายถูกตัดออก เพราะกระดูกแตก
จนหมอไม่สามารถเชื่อมต่อได้

ขณะที่พ่อเข้ามาดูลูกในห้อง
ลูกมองพ่อด้วยสายตาปวดร้าว
แล้วถามพ่อว่า

” เมื่อไร นิ้วหนูจึงจะยาวเหมือนเดิม ? “

คำถามนั้น…
เหมือนคมมีดกรีดลึกลงไปในหัวใจผู้เป็นพ่อ
เขารู้สึกละอายใจ รู้สึกผิด
และเสียใจในการกระทำตนอย่างไม่อาจให้อภัย

เขาจึงกลับไปที่รถ
เตะมันสุดแรงเกิดโดยไม่ยั้งจนเหนื่อยหอบ
แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างรถอย่างเศร้าใจ
สายตาพลันเหลือบไปเห็นรอยขูดขีด

เขาเบิกตากว้าง !
จ้องมองคำว่า “รักพ่อ”
น้ำใส ๆ เริ่มเอ่อ แล้วไหลอาบแก้ม
เขาเอามือปิดหน้า
ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับใจจะขาด

รุ่งขึ้น…
ชายคนนั้นได้ฆ่าตัวตาย

อารมณ์โกรธ มีโทษมหันต์

ปัญหาของโลกในทุกวันนี้

คือ

คนบางคน..
รักรถ หวงรถ หรือสิ่งของอื่น
ยิ่งกว่ารักและห่วงใยลูก
หรือ เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

จำไว้เสมอว่า

สิ่งของมีไว้ให้ใช้

และ

คนมีไว้ให้รัก

และ อย่าทิ้งคนที่คุณรักเพราะวันที่คุณคิดจะกลับมา บางครั้งคุณอาจจะเพิ่งรู้ตัวว่ามันสายเกินไป…ให้อภัยมีไว้ใช้กับคนที่เห็น คุณค่าของคำนี้เสมอ…แต่วันหนึ่งรอเวลาแล้วมันสายไป ไม่ว่าคำไหนก็ไม่มีค่าอีกเลย

Share this: