คณะอาทของเอแบคที่นักศึกษาชอบเรียกกัน หรือคณะศิลปศาสตร์นั่นเอง! มีทั้งหมด4เมเจอร์ด้วยกัน
ประกอบด้วย Business English, Business French, Business Chinese, Business Japanese
สวัสดีค่า วันนี้จะมาบอกเล่าว่าแต่ละเมเจอร์ของอาทที่เอแบคเนี่ย เป็นอะไรยังไง แล้วมีการเรียนในคลาสแบบไหน
ถ้าอยากรู้แล้วว่าแต่ละเมเจอร์เค้าเรียนอะไรกันบ้างเรียนยากมั้ย ต้องมีพื้นฐานมากน้อยแค่ไหนถึงจะเรียนได้? แล้วมีวิชาไหนที่น่าสนใจหรือน่าสนุกบ้าง ไปดูกันเลยยย
• Business English
เปิดตัวมากับเมเจอร์แรกของเมเจอร์ภาษาที่ฮอตฮิตที่สุดในเอแบค เด็กเรียนเยอะมากกก หรือที่เรียนกันว่าอาทอิ้งในเอแบค
หลักๆจะเป็นภาษาอังกฤษที่เน้นการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน + สามารถต่อยอดอาชีพเฉพาะได้หลากหลาย เช่น วิชาแปล วิชาการวิเคราะห์ข่าว วิเคราะห์เนื่อเรื่องต่างๆ อีกทั้งยังเรียนวิชา business เป็นวิชาพื้นฐาน พวกการตลาด บัญชีพื้นฐาน เน้นให้สามารถทำงานได้หลายแขนง
ไม่จำเป็น เพราะที่คณะนี้ มหาลัยนี้จะสอนตั้งแต่พื้นฐานของภาษานั้นๆ มีเรียน intensive เพื่อปูพื้นฐานภาษาอังกฤษ ฉะนั้นน้องๆปี1ไม่ต้องกังวลไปนะคะ
Art of Translation วิชาแปล เหมาะสำหรับคนที่สนใจทางด้านการแปล
Elements of spoken language เกี่ยวกับการอ่านออกเสียงพื้นฐาน (IPA)
Critical and Analytical Reading เกี่ยวกับการเขียน คิดวิเคราะห์เนื้อหาต่างๆ
New media วิเคราะห์ข่าว ตรงส่วนนี้ของหนังสือพิมพ์เรียกว่าอะไร ส่วนนี้เรียกว่าเฮดไลน์ไรงี้ เรียนเขียนข่าวด้วย รูปแบบการเขียนข่าว ว่าควรใช้คำว่าอะไรถึงจะเหมาะสม อาจารย์จะให้ข่าวเรามาเขียน แล้วก็ต้องตีความหมายข่าว
เป็นที่เล่าขานกันมานานมากว่าค่ายของเมเจอร์อิ๊งหรือ Business English Camp เป็นค่ายที่เด่นดังมากในเมเจอร์ เพราะได้นำความรู้ภาษาอังกฤษมาใช้ในรูปแบบของการสนทนา เล่นเกม ทำกิจกรรมต่างๆ แต่เนื่องจากโรคระบาดทำให้เรายังไม่ได้มีโอกาสได้สัมผัสค่ายนี้แบบจริงจัง แต่นี่เชื่อว่าค่ายนี้จะกลับมาอย่างแน่นอน!
อาจารย์ Sethawut ใจดีมาก วัยรุ่น สอนรู้เรื่อง คุยง่าย เฟรลลี่ เป็นคนniceมาก อาจารย์พร้อมซัพพอร์ตงานกิจกรรมต่างๆ
อาจารย์ Chonrachai อาจารย์สอนดีมาก ให้งานไม่เยอะ ไม่หัวโบราณ อาจารย์จะสอนแต่สไลด์ที่ออกข้อสอบ
อาจารย์ Jitravadee ใจดีมากกก อาจารย์มีการประนีประนอม พูดน้ำเสียงดี แต่ให้คะแนนตามเนื้อผ้า สอนโอเค (แต่ใครชอบนอนอาจเผลอหลับได้55555)
อาจารย์ Sureepong ใจดีแต่ต้องอ่านเนื้อหามาก่อน ต้องทำแบบฝึกหัดมาก่อน พอมาถึงคลาสอาจารย์จะให้แค่5นาทีทำแบบฝึกหัดที่เคยสั่ง ละก็จะเฉลยเลย ตอนสอบแอบลำบากอยู่หน่อยๆ ออกแนวข้อสอบเป๊ะ ลิสต์หัวข้อให้เลย!
อาจารย์ Thanaporn เรียนชิลสุดดด ชิลสะบัด จนนักศึกษาอยากให้สอนบ้าง เพราะชิลมากกกก อ่านสไลด์เป๊ะ อาจารย์จะเคร่งเรื่องหนังสือ (ต้องเอาหนังสือมาด้วยนะ) cแต่บอกแนวข้อสอบเป๊ะ
อาจารย์ Chachaval ใจดี ถ้าเรียนคาบสุดท้าย อาจารย์จะรีบปล่อย อาจารย์เป็นคนเก่งแต่สอนไม่ค่อยเข้าใจ
ใครที่สนใจอาร์ตอิ๊ง อยากให้เป็นคนที่มีใจรักในภาษาอังกฤษจริงๆ เพราะถึงคนจะมองว่ามันดูง่ายเพราะมันเป็นภาษาอังกฤษ แต่พอเรียนลงลึกจริงๆแล้วมันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม เมเจอร์นี้ถ้าได้เรียนแล้วจะไม่รู้สึกเสียดายเลยเพราะมันครบรสทั้งเรื่องการฟัง พูด อ่าน เขียน เหมาะกับคนที่อยากจะพัฒนาสกิลภาษาอังกฤษแน่นอน!
ต่อมา เรามาเข้าภาษาที่ 3 กันบ้างดีกว่า… นั่นก็คือเมเจอร์ฝรั่งเศส (เป็นเมเจอร์ที่คนเรียนไม่ค่อยเยอะเมื่อเทียบกับอีก3เมเจอร์ที่เหลือ) คนจะมาลงเป็นไมเนอร์มากกว่าเป็นเมเจอร์
เรียนภาษาฝรั่งเศสในเชิงธุรกิจ มีเรียนสื่อสาร มีสอนเขียน แต่จะเน้นสื่อสาร
ไม่มีก็เรียนได้ แต่ถ้ามีพื้นฐานมาบ้างอาจจะดีกว่า เพราะเป็นภาษาที่สาม มันค่อนข้างยากพอสมควร ต้องพยายามกว่าคนอื่นหลายเท่า มีสอนเบสิค แต่ถ้าใจมันรักใจมันชอบจริงๆ ก็สามารถเรียนผ่านไปได้
French for workplace รู้คำศัพท์เกี่ยวกับการทำงาน สถานที่ทำงาน
ส่วนวิชา Basic French ไม่มีพื้นฐานก็สามารถมาเรียนได้นะเออ!ได้เรียน ตัวเลข เบอร์โทร การอ่านคำภาษาฝรั่งเศส มีคนมาลงเป็นวิชา free elective อยู่
ต่อมา French I คำศัพท์แยกเพศ คำศัพท์พื้นฐาน
French II ไม่ต่างจาก French I มาก ได้รู้คำศัพท์ ไปเที่ยว บอกทิศทาง อะไรประมาณนี้ แต่ว่าต้องผ่าน French I ก่อนนะ ถึงจะเรียนได้
French trip เป็นทริปไปเที่ยว ทำกิจกรรมเกี่ยวกับภาษาฝรั่งเศส
ใจดีมากกก อาจารย์โรมังใจดีมาก สอนมีแบบแผน เตรียมการสอนมาดี ใจเย็น สอนเข้าใจง่าย แอบช่วยเด็ก แกรมม่าดี ส่วนเรื่อง Speaking อาจารย์วิคตอเรียคือเดอะเบส!
มาเรียนกันเยอะๆนะคะะะ เพราะไม่ค่อยมีคนมาเรียนเมเจอร์นี้เลย คนน้อยลงทุกปี ภาษาที่สามไม่ได้ยากเสมอไปนะ!
ต่อมาก็คือออ….เมเจอร์จีน! สำหรับใครที่สนใจภาษาจีนหรือเป็นคอซีรีย์จีน บอกเลย เมเจอร์นี้น่าสนใจมาก!
เรียนตั้งแต่วิชาพื้นฐานของจีน ฟัง พูด อ่าน เขียน(ในปีแรกๆ) จนวิชาที่เจาะลึกมากขึ้น ลงดีเทล business term มากขึ้น(ปีหลังๆ) ใครไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้แต่ต้องขยันหน่อยนะ! แต่สำหรับคนที่ไม่ได้มีพื้นฐานมาก่อน คือไม่ได้เรียน chi for begin แต่เรียน intensive น่าจะยากกว่า begin นิดนึงเพราะมีตัวจีนด้วย สำหรับคนไม่มีพื้นฐานเลย ตอบเลยว่าช่วงแรกปรับตัวยากมากกก แต่ถือว่าภาษาจีนพัฒนาระดับนึงพอเรียนเสร็จแล้ว แบบในคลาสพอฟังอาจารย์สอนก็เข้าใจ แต่อาจจะยังพูดจีนไม่ค่อยเก่ง
ถ้าถามว่าเรียนยากมั้ย จากการที่ถามเพื่อนเมเจอร์จีนมา เพื่อนบอกว่าต้องขยันจำอย่างเดียวเลย พวก Chi2-3 แกรมม่าเยอะมากๆ! แต่หลังๆพวก Chi4 แกรมม่าง่าย แต่มีการเน้นอ่านแล้วตีบทความ
– มีอะไรน่าสนใจบ้างในเมเจอร์นี้ ?
ที่เจอแน่ๆเลยคือ…ความท้าทายว่าอาจารย์จะออกข้อสอบอะไร และจะผ่านมั้ยวิชานี้55555555 แต่วิชาที่สนุกก็จะมี oral 1-2 วิชานี้มันสนุกตรงที่มันหลากหลาย เรียนมันทุกโหมดกันเลย อยากจะบอกว่าได้เรียนทั้งอาหารจีน วัฒนธรรมจีน ยันเป็นคนซ่อมจักรยาน! แต่วิชานี้พรีเซ้นเหนื่อยมากๆแค่นั้นเลย แล้วก็ยากตรงมีฟังด้วยนี่แหละ
คุณคิตตี้ – ใจดีที่สุดในอาทไช555555 สอนช้าๆ เนิบๆ อาจารย์เป็นคนชิลๆ แต่สอนดีนะ ชอบอธิบายเป็นไทยให้เด็กฟัง //ออกข้อสอบปานกลาง มียากง่าย
เดซี่ – ใจดีมากๆๆอีกคน แต่ไม่ค่อยสอน55555 เน้นให้ฟัง录音เน้นให้เด็กพรีเซ้นงาน แต่ชอบชมเด็กว่าดีแล้ว ฯลฯ // ออกข้อสอบง่าย ตามบทเรียนเลย
โดเรม่อน- สอนดีมากๆคนหนึ่ง สอนละเอียด ชอบเรียกให้อ่าน แต่ดุที่สุดเลย แต่ก็ทำให้เด็กสามารถตั้งใจเรียนกะเค้ามาก5555แต่นอกคลาสใจดีมากๆ //ออกข้อสอบยากอยู่
พิริยา- เคยเรียนครั้งเดียวช่วงอินโทรไช ก็ดูใจดี สอนก็ใช้ได้ แต่อาจารย์แกอาจจะมีบ่นบ้างเล็กน้อย //ออกข้อสอบปานกลาง
ถาน- สอนช้ามากกกก เรียกว่าช้าที่สุด ชอบออกทะเล แต่ก็ถือว่าสอนละเอียดมากกก และใจดีอยู่ //ออกข้อสอบตามบทเรียนเป๊ะ
ปี้- สอนบทเรียนยากๆให้เข้าใจได้ ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณสุดๆ ใจดี และสอนละเอียด สอนช้า ชอบอธิบายเป็นไทยให้เด็กๆ //ออกข้อสอบง่าย ตามบทเรียน
อัสมา- ให้คะแนนยากที่สุด คะแนนมาตามอารมณ์ แต่ใจดีนะ แต่ไม่ค่อยชอบสอน ชอบพูดคุยกับนักศึกษา //ออกข้อสอบยากมากๆ
ชัชสรัน- เคยเรียนด้วยตอนอินเทน ใจดี สอนดี ละเอียดสุดๆๆ ชอบให้เด็กมีส่วนร่วม อ่าน ตอบ บลาๆ
หวังฟาง- ใจดี แต่พูดเร็วมากกก ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ไม่ค่อยสอนวิธีการเขียนมาก(ถึงแม้จะสอนวิชาเขียน) ชอบให้เด็กเขียนเองมากกว่า //ออกข้อสอบยากมากๆ
มาถึงเมเจอร์สุดท้ายแล้ววว อาทแจป!
เรียนภาษาญี่ปุ่น เริ่มแรกก็จะเรียนพื้นฐานของภาษาญี่ปุ่นก็คือเริ่มเรียนตั้งแต่ตัวอักษรฝึกอ่าน แกรมม่าง่ายๆ แล้วก็ไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยจนถึงระดับ Intermediate แล้วก็เรียนภาษาญี่ปุ่นเชิงธุรกิจ เช่น การเขียนเมลล์ MEMO หรือแม้กระทั่งการเขียนนามบัตรในเวอร์ชั่นของญี่ปุ่น ซึ่งส่วนนี้จะมีประโยชน์มากๆเลยแหละ โดยเฉพาะกับคนที่ อยากทำงานกับคนญี่ปุ่น
ส่วนตัวคิดว่าถ้าอยากเรียนสบาย(ในระดับหนึ่ง) ก็ควรจะมีพื้นฐานมาบ้างอย่างน้อยก็จำตัวอักษรได้ (แต่ถ้าไม่มีเลยก็ไม่เป็นไรแค่ต้องพยายามและฝึกฝนภาษาญี่ปุ่นให้มากป) ถ้าเป็นไปได้ก็ทุกวัน เพราะการจำตัวอักษรให้ได้เป็นพื้นฐานที่สำคัญมากๆ
Business Japanese ตัวนี้มีประโยชน์มากๆ ได้เรียนรู้ culture ของบริษัทญี่ปุ่น
Public Speaking in Japanese ตัวนี้เรียนสนุก เป็นที่รู้กันว่าคือวิชา present ไม่มีสอบ ได้ฝึก
สกิลการพูดภาษาญี่ปุ่นและการพูดในหน้าชั้นเรียน นอกจากนี้อาจารย์ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ที่ให้เราฝึกฝนการพูด!
Japanese for beginners l เหมาะกับคนที่ไม่มีพื้นฐานญี่ปุ่นเลยแต่สนใจในภาษาญี่ปุ่น
ทางคณะของเราจะเข้าร่วมกิจกรรม Nippon Haku ในทุกๆปี โดยเราจะไปออกบูธกิจกรรมในงาน ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษของเด็กในเมเจอร์ที่ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นในสถานการณ์จริงนะเออ
อาจารย์ในเมเจอร์ส่วนใหญ่ก็ใจดี อาจารย์บางคนที่ลือๆว่าโหด จริงๆก็ใจดี แค่เค้าต้องการให้เราได้ภาษาญี่ปุ่นจริงๆก็เลยเข้มงวดไปบ้าง แต่ถ้าเราตั้งใจเรียนนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเลย นอกจากนี้อาจารย์ทุกคนถ้ามีคำถามอะไรก็สามารถปรึกษาได้ตลอด
Cr. กราบขอบพระคุณข้อมูลจากทางคอมมิตตีคณะอาทด้วยนะคะ